วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของป่าไม้

ทรัพยากรป่าไม้มีประโยชน์ที่หลากหลายต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด รวมทั้งมนุษย์ด้วย ที่ได้ประโยชน์จากป่าไม้ ดังนี้

ประโยชน์ทางตรง
1. ไม้ เป็นผลผลิตจากป่าที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะต่อการใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ยืดหยุ่นสูง เหมาะต่อการทำโครงสร้างต่างๆ
2. เชื้อเพลิง ได้แก่ ฟืนและถ่าน ใช้ทั้งในครัวเรือนและอุตสาหกรรม
3. วัตถุเคมี เช่น ใช้ทำกระดาษ ไหมเทียม น้ำตาล น้ำหอมและเครื่องสำอาง
4. อาหาร เช่น ผึ้ง หน่อไม้ มัน เผือก ผลไม้ป่า ฯลฯ
5. ยารักษาโรค สมุนไพรต่างๆ
6. ชัน น้ำมัน ยางไม้ ชัน (resin) ใช้ทำน้ำมันชักเงา
ยางรัก ใช้ในการทำเครื่องเขิน
กำยาน ใช้ทำเครื่องหอมและยา
ยางสน ใช้ทำน้ำมันผสมสี และสบู่
ยางเยลูตง ใช้ทำหมากฝรั่ง
7. ฝาดฟอกหนังและสี ฝาด (tannin) ใช้ฟอกหนังและมีหลายชนิดที่นำมาใช้เป็นสีย้อมผ้า เช่น แก่นแกแลให้สีเหลือง แก่นฝางให้สีแดง ใบหูกวางใช้สีเขียวขี้ม้า
8. อาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์แบบปล่อยให้กินหญ้า ใบไม้ต่างๆ

ประโยชน์ทางอ้อม
1. ช่วยให้ฝนตกเพิ่มขึ้นและทำให้อากาศมีความชุ่มชื้นสม่ำเสมอ
ป่าไม้มีอิทธิพลช่วยทำให้มีฝนตกมากขึ้นในลักษณะของ microclimate (สภาพอากาศเฉพาะแห่ง) เนื่องจากอากาศเหนือท้องที่ป่าไม้ขึ้นไปจะมีความชุ่มชื้นและมีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นที่ที่ไม่มีป่าไม้ เมฆฝนที่ลอยผ่าเมื่อกระทบกับความเย็นจะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำตกลงมาเป็นฝน สำหรับฝนที่เป็นไปตามฤดูกาล (macroclimate) เช่น จากลมมรสุมที่พัดมาตกในประเทศนั้น ป่าไม้ไม่มีอิทธิพลต่อการตกของฝน
2. บรรเทาความรุนแรงของลมพายุ
ลมพายุเมื่อพัดพามาที่ที่มีป่าไม้จะลดความเร็วลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ขึ้นกับความสูงและความหนาแน่นของหมู่ไม้ภายในป่า โดยเฉพาะป่าชายเลนและป่าชายหาดช่วยป้องกันพายุจากทะเลได้ดี
3. ป้องกันการพังทลายของดิน
ในพื้นที่ป่า ทั้งเรือนยอดไม้ ไม้พื้นล่าง และเศษซากพืช จะช่วยสกัดกั้นความรุนแรงของเม็ดฝนที่ตกปะทะหน้าดิน และป่าไม้สามารถชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลบ่าหน้าดิน ทำให้หน้าดินไม่ถูกทำลาย น้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำจะไม่ขุ่นข้นด้วยตะกอนดิน และเป็นการลดตะกอนที่จะทับถมบริเวณปากแม่น้ำได้เป็นอย่างดี
4.ทำให้มีน้ำไหลสม่ำเสมอตลอดปี
นอกจากคุณภาพ ปริมาณของน้ำแล้ว ยังจำเป็นต้องมีการไหลตลอดปีด้วย ฝนเมื่อตกลงในพื้นที่ป่าไม้ ฝนจะไม่ไหลลงสู่แม่น้ำโดยเร็ว แต่จะถูกกิ่งไม้ ใบไม้ รากไม้ตามพื้นป่า และดินที่ร่วนซุยดูดซับไว้ และค่อยๆ ซึมลงสู่ดินสะสมเป็นน้ำใต้ดิน และจะค่อยๆ ปลดปล่อยลงสู่แม่น้ำลำธาร ทำให้ในช่วงฤดูแล้งน้ำในแม่น้ำลำธารยังมีน้ำไหลอย่างสม่ำเสมอ จากการวิจัยพบว่าน้ำฝนที่ตกในป่ามีโอกาสซึมลงในดินมากกว่าในพื้นที่โล่ง 2-7 เท่า และพบว่าน้ำที่ไหลบ่าไปตามหน้าดินในไร่ร้างหรือป่าหญ้าคาจะมีมากกว่าในป่า
5. เป็นแหล่งรวมพันธุกรรมของพืชและสัตว์
สามารถนำพันธุ์พืชหรือสัตว์จากป่ามาผสม เพื่อปรับปรุงพันธุ์ให้มีลักษณะดีขึ้น เช่น ข้าวป่าสายพันธุ์ต่างๆ
6. เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า (Wildlife Habitat)
เป็นที่ดำรงชีวิตของสัตว์ป่า ทั้งที่อยู่อาศัย แหล่งอาหาร แหล่งน้ำ ผสมพันธุ์ เลี้ยงดูตัวอ่อน ฯลฯ การลดลงของพื้นที่ป่าไม้จะส่งกระทบโดยตรงต่อการอยู่รอดของสัตว์ป่า
7. ควบคุมระบบนิเวศ
ในพื้นที่ป่าไม้จะมีความซับซ้อนของการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่มีการเกื้อกูลและควบคุมซึ่งกันและกันอยู่ในระดับที่เหมาะสม การระบาดของโรค แมลง และสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ก็จะมีน้อยและไม่รุนแรง ส่งผลดีต่อระบบนิเวศข้างเคียง เช่น ในพื้นที่เกษตรกรรม และที่อยู่อาศัยของมนุษย์
8. เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
ป่าไม้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่มีราคาถูกสำหรับประชาชน รัฐบาลได้จัดพื้นที่ป่าบางแห่งที่มีทิวทัศน์สวยงามไว้เป็นที่พักผ่อนสำหรับประชาชน เช่น อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนรุกขชาติ รวมทั้งที่วิเวกห่างไกลผู้คน (wilderness area) ความสำคัญของป่าไม้ในการเป็นที่พักผ่อนของประชาชนนั้นนับวันจะมีมากขึ้น และเป็นประโยชน์ทางอ้อมของป่าที่มีความสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในขณะนี้